วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

แต่งหน้าเล่นๆยามว่างกัน



วังสวนผักกาด พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ใจกลางเมือง

วังสวนผักกาด (ททท.)
          วังสวนผักกาด เป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่เจ้าของบ้าน คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือ เสด็จในกรมฯ และ หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร หรือ "คุณท่าน" ได้เปิดบ้านซึ่งหลายคนรู้จักในนาม "วังสวนผักกาด" ให้บุคคลภายนอกเข้าชม ในขณะที่ท่านเจ้าของยังคงใช้เป็นที่พำนักนับแต่ พ.ศ.2495 เป็นต้นมา ส่วนที่มาของชื่อ วังสวนผักกาด คือตั้งตามลักษณะของพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสวนผักกาดของชาวสวนมาก่อน
ทั้งนี้ ด้วยนิสัยและความรักในการสะสม เสด็จในกรมฯ ทรงรวบรวมศิลปะและโบราณวัตถุอันล้ำค่า ที่สืบทอดมาจาก จอมพลเรือ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ) ต้นราชสกุลบริพัตร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และ สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี นอกจากนี้ เสด็จในกรมฯ และ "คุณท่าน" ต่างร่วมกันสะสมศิลปะและโบราณวัตถุชิ้นสำคัญอื่น ๆ ของทั้งชาติไทย และของโลกไว้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเก็บรวบรวมไว้ ณ วังสวนผักกาด

              พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ บริเวณถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ อันประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง เรือนหลังที่ 1 - 4 จัดเป็นหมู่เรือนไทย โดยเรือนหลังแรกมีสะพานเชื่อมไปสู่เรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ ตามลำดับ ส่วนเรือนหลังที่ 5 - 8 ปลูกอยู่ห่างกันทางทิศตะวันตก และมีหอเขียนอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในมีภาพลายรดน้ำเรื่องพุทธประวัติ เรื่องรามเกียรติ์และเหตุการณ์ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ส่งราชทูตฝรั่งเศสเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
          ส่วนที่บริเวณชั้น 2 ของศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง แสดงโบราณวัตถุมีอายุเก่าแก่ประมาณ 4,000 ปี เช่น ภาชนะดินเผา กำไลหิน ลูกปัดแก้วซึ่งพบบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

ขอขอบคุณ   http://travel.kapook.com/view24581.html


โมเมพาเพลิน : Workshop เสกผมสวยกับโดฟ

  แพรวา ร้านของฝาก


ร้านแพรวา ตั้งอยู่ที่ ซอย 20 ถนน ศรีเชียงคาน
สินค้า ผ้าห่ม ผ้าพันคอ หมอน ผ้าปูโต๊ะ หมวก ผ้าถุง อื่นๆ อีกมากมาย
ของดี มีคุณภาพ ราคาเป็นกันเอง


มนต์เสน่ห์แห่งความสุข...ไม่เคยหยุดที่ เขาใหญ่

"เขาใหญ่" ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และนับว่าเป็นผืนป่าใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มากสไตล์ ทั้งทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งรวบรวมสถานที่กิน เที่ยว ช้อป ไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล โดยมีถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ "ถนนธนะรัชต์" ที่เป็นเส้นทางแห่งความสุข มีเสน่ห์ดึงดูดใจและสร้างสีสันความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้ตลอดเส้นทาง และไม่ว่าคุณจะเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่แห่งนี้สักกี่ครั้ง เราเชื่อว่าคุณก็จะได้พบกับความแปลกใหม่ของสถานที่แห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
แล้วแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรอื่น ๆ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แหล่งช็อปปิ้งพักผ่อนหย่อนใจในสไตล์ยุโรปอีกมากมายก็เกิดขึ้นตามมาเป็นทิวแถวตลอดแนวถนนธนะรัชต์ และถนนรอบ ๆ เขาใหญ่เกือบทุกสาย คู่หูเดินทางฉบับนี้จึงอยากจะขออัพเดทมนต์เสน่ห์แห่งความสุข ณ เขาใหญ่ สถานที่ที่มีมนต์ขลังแห่งนี้



The Smoke House ร้านอาหารยุโรป และอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในช่วงนี้ โดยสร้างเป็นปราสาททรงยุโรปโบราณออกมาได้อย่างโดดเด่นสะดุดตาเป็นสง่ากับถนนสายนี้มาก ใครที่ผ่านไปมาต่างก็อดใจไว้ไม่ได้ที่จะต้องแวะถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกไว้แอ๊คอาร์ตกับเพื่อนฝูงประหนึ่งว่าได้ไปเยือนดินแดนยุโรปแห่งใดแห่งหนึ่งมาก็มิปาน อาหารที่นี่รสชาติดี แต่ขอแนะนำว่าควรสั่งมาหลาย ๆ เมนู แล้วแชร์กันทานจานโน้นคำจานนี้คำ รับรองได้อิ่มกันทั้งวงแน่นอน ราคาอาจจะดูค่อนข้างสูงแต่ก็คุ้มค่า เพราะของเค้าจานใหญ่จัดเต็มสมราคา

          และถ้ามานั่งทานตั้งแต่ 1 ทุ่ม เป็นต้นไป ท่านก็จะได้ทานข้าวเคล้าเสียงเพลงจากจาก 3 หนุ่มหล่อ บนเวทีแสดงสด ที่สามารถมองผ่านออกไปเห็นทุ่งกว้างและขุนเขาเบื้องหลัง ก็นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำที่โรแมนติคไม่เบาเลยทีเดียว มีบริการไวน์รสเลิศและเบอเกอรี่รสละมุม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ เวลาที่เหมาะสำหรับการมาเยือนที่นี่ก็น่าจะประมาณช่วงแดดร่มลมตก จนถึงช่วงหัวค่ำ เพราะเมื่อยามพระอาทิตย์เริ่มอัสดง เราก็จะเริ่มเห็นแสงไฟประดับที่ทางร้านจัดแต่งไว้เพื่อเสริมความสง่างามให้กับเดอะสโมกเฮ้าส์แห่งนี้มากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นที่ที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืนจริง ๆ เดอะสโมกเฮ้าส์ เปิดบริการทุกวัน 10.00 – 22.30 น. โทร. 0-4436-5222

เขาใหญ่ สปีดคาร์ท ที่นี่เขามีบริการรถโกคาร์ททั้งของเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งรถโกคาร์ทแบบ 2 ที่นั่ง รถเอทีวีของเด็กก็มีให้เช่าขับ พร้อมไฟส่องสนามยามค่ำคืน เพื่อความปลอดภัย ในราคาชั่วโมงละ 300 บาท  และสำหรับสาว ๆ ที่ไปด้วย แต่ไม่อยากแข่งรถกับหนุ่ม ๆ เค้า ก็มีที่นั่งชมทีวีถ่ายทอดสดพร้อมทานอาหารรอหนุ่ม ๆ ไปพลาง ๆ เพราะเค้ามีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการพร้อมสรรพทุกสิ่ง แถมยังรับจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ สัมมนา ในโอกาสพิเศษต่าง ๆ อีกด้วย เปิดทุกวัน 9.00 – 21.00 น. โทร. 08-6660-8060

อนถึงอุทยานฯ เขาใหญ่ ที่ กม.17 ฝั่งซ้าย จะเห็นอาคารสไตล์อิตาเลี่ยนโบราณสีน้ำตาลอมส้มเรียงราย เป็นที่รู้จักกันในนาม Palio Khao Yai สถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งของเขาใหญ่ ในคอนเซ็ปต์ถนนคนเดิน กับสินค้าอันหลากหลายที่มีมากมายกว่า 120 ร้านค้า รวมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สปา เสริมสวย ตลอดจนที่พักในแบบบูติคโฮเทลที่นับว่าอยู่ใกล้สะดวกสบายต่อการขึ้นเที่ยวชมอุทยานฯ เขาใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย ที่นี่นอกจากคุณจะสนุกกับการช็อปปิ้งสินค้าต่าง ๆ แล้ว ยังมีมุมสวย ๆ มากมายให้ถ่ายภาพเล่นเป็นที่ระลึก เสมือนหนึ่งว่าคุณไปเยือนเมืองอิตาลีมาอวดเพื่อนฝูงให้ดูกันอย่างตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว ปาลิโอ เขาใหญ่ เปิดทุกวัน  8.00 – 20.00 น. โทร. 0-4436-5899

ขอขอบคุณ  http://travel.kapook.com/view37778.html

ตลาดท่านา ตลาดเก่าไซส์มินิ

"ตลาดท่านา" ตลาดโบราณริมน้ำที่ยังคงกลิ่นไอของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และบ้านเรือนไม้เก่าแบบโบราณ เคียงคู่กับผู้คนที่หมุนเวียนจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมและเฟอร์นิเจอร์ภายในควบคู่กับวิถีการทำมาค้าขายในชีวิตประจำวันของคนในชุมชนร่วมกันได้อย่างเหมาะสมลงตัว

          จุดแรกที่สะดุดตามากที่สุดก็คือ ร้านขายของเล่นโบราณ บ้านไม้สองชั้นอายุกว่า 100 ปี สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอของเล่นทั้งเก่าและใหม่ผสมกันอยู่ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ขนาดโต ๆ แล้ว ยังแอบซื้อของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ เคยได้เล่น
          แถมยังได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน เพราะคุณป้าเรียกให้ฉันเข้าไปในตัวบ้าน ชี้ขึ้นไปบริเวณคานไม้ด้านบนของบ้าน แล้วบอกว่านี่เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณ คานไม้ของที่นี่สร้างไม่เหมือนใคร และมันยังแข็งแรงอยู่แบบนี้มารุ่นสู่รุ่น คุณป้ายังคงเชิญชวนให้เข้าไปดูของเล่นหลากหลายในบ้านหลังนี้อย่างมีไมตรีจิต คุณป้าบอกว่าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ให้เข้ามาดูได้ นี่แหละน้ำใจคนไทย รอยยิ้มของคนไทย ที่ไปแห่งหนใดในเมืองไทย ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องพบเจอ

ตลาดท่านา เป็นแหล่งร้านอาหารริมน้ำและย่านจำหน่ายของกินอร่อย ๆ มากมาย อาทิ เป็ดพะโล้ ขนมปังเย็น ปลากริมไข่เต่า บัวลอย รวมถึงผลไม้มากมายโดยเฉพาะ ส้มโอนครชัยศรี นอกจากนี้ ยังมี "ศาลอาม่า" นอกจากจะเป็นศาลเจ้าเพื่อให้ประชาชนมากราบไหว้แล้ว ยังเปิดสอนภาษาจีนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ขอขอบคุณ   http://travel.kapook.com/view38121.html

จิบกาแฟรสเยี่ยม ท่ามกลางทะเลหมอก ณ ดอยช้าง



ทิวเขาซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา พระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่พ้นทะเลหมอก สาดแสงสีทองส่องสว่าง เป็นภาพที่หาชมได้ ณ ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย พร้อม ๆ กับไปลิ้มลองจิบกาแฟอราบิก้ารสชาติดี เคล้าทัศนียภาพที่สบายตาสบายใจ นั่นแน่! เริ่มอยากไปเห็นภาพ ดอยช้าง ด้วยตาตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นก็อย่ารอช้า ตามเราเข้าไปสัมผัสกับอีกความงดงามหนึ่งของเมืองไทยกัน...
ส่วนชื่อ บ้านดอยช้าง นั้น ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทางทิศเหนือ (ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง และบน ดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี โดยอุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส
อีกทั้งบริเวณ ดอยช้าง ยังมี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ บริเวณ พุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งมีความสำคัญคือ เป็นน้ำ 1 ใน 9 แห่ง ของน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่นำไปประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาพุทธมังคลาภิเษก เนื่องในวโรกาศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมายุครบรอบ 60 พรรษา และบริเวณ พุทธอุทยานดอยช้าง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก มีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางพุทธอุทยานสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคเหนือ เขต 2 โทรศัพท์ 053-744674-5

ขอขอบคุณ   http://travel.kapook.com/view26984.html

 

หรรษาแดนไข่มุกอันดามัน (lisa)




 ภูเก็ตนับได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางวันพักผ่อนในฝันของใครหลายๆคน ด้วยเสน่ห์ความงามตระการตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและทั่วทุกมุมโลก ให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์การท่องโลกทะเลสีฟ้าใสตัดกับผืนฟ้าสีครามกันดูสักครั้ง
          เรามีโอกาสได้ไปเยือนภูเก็ตซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งนักท่องเที่ยว ในช่วงที่เหตุการณ์วุ่นวายจากน้ำท่วมในกรุงเทพฯ เริ่มคลี่คลายลง คราวนี้จึงได้เวลาผ่อนคลายกันสักทีโดยมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส พาเราบินลัดฟ้าไปยังแดนไข่มุกอันดามัน และมุ่งหน้าสู่หาดกะตะ ที่ตั้งของคลับเมดภูเก็ต ที่ได้มีการปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนรีสอร์ทที่ใหญ่ขึ้นและมอบความสะดวกสบาย พร้อมบรรยากาศอันหรูหรา ในสไตล์คอนเทมโพรารี่ไทยที่เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
เยือนหมู่เกาะพีพีในฝัน

แม้สภาพอากาศจะไม่สดใสซะทีเดียว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการลงเรือสปีดโบ๊ตไปเที่ยวชมความงามของอ่าวพังงา มุ่งหน้าไปยังเกาะพีพีเพื่อลงสำรวจที่หมายแรกคืออ่าวมาหยาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกาะพีพีเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนกันมาอย่างหนาตา เพื่อยลความสวยงามของหินผาและหาดทรายสีขาวเนียนละเอียดที่ใครๆก็ต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย และตื่นตาตื่นใจกับน้ำทะเลสีฟ้าสุกใสเมื่อได้ชมวิวในส่วนหมู่เกาะรอบๆ ใกล้กับอ่าวปิเล๊ะ ซึ่งมีเกาะที่เป็นถ้ำนกนางแอ่น แหล่งของรังนกแท้  ไปฝากท้องมื้อกลางวันและเที่ยวชมตำบลอ่าวนางบนเกาะพีพีดอน จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการพักผ่อนอิริยาบถกันแบบสบายๆยามบ่ายที่เกาะไข่นอก เกาะขนาดเล็กในเขตจังหวัดพังงา มีความสวยงามตามธรรมชาติด้วยโขดหิน หาดทรายขาว และน้ำทะเลใสแจ๋ว ลมเย็นๆช่วยให้เอนกายลงบนหาดทรายกันได้อย่างเพลิดเพลินจนเกือบลืมเวลาเลยทีเดียว
พักผ่อนอย่างบันเทิงใจแบบครบถ้วนที่คลับเมด

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เกาะตาชัย


เกาะตาชัย เกาะบริวารแห่งใหม่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งถึงแม้จะเป็นเกาะน้องใหม่ที่แม่จะเพิ่มเปิดตัวได้ไม่นาน แต่กลับได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติสุด ๆ เพราะยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก แถมน้ำทะเลก็ใสสะอาด หาดทรายขาวละมุนนุ่มเท้าซะจนเหมือนเดินอยู่บนปุยนุ่น

          เกาะตาชัย ถูกสำรวจพบมานานแล้ว แต่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปยลโฉมความงามได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้บน เกาะตาชัย ยังไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการ แต่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้กางเต้นท์พักค้างคืนได้ และซึ่งช่วงเวลาที่เกาะตาชัยงดงามที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน จากนั้นเกาะตาชัยจะปิด 6 เดือน คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีมรสุม อีกทั้งเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู


 ขอขอบคุณ  http://travel.kapook.com/view38360.html

แวะล่อง .... ใต้  กันบ้าง

  เกาะขาม เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือประมาณ 45 นาที และอยู่ทิศตะวันตกของเกาะแสมสารห่างจากท่าเรือแสมสาร 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือประมาณ 15 นาที เกาะขามมีรูปร่างคล้ายตัว H มีพื้นที่ประมาณ 61 ไร่ อยู่ภายใต้การดูแลของกองเรือป้องกันฝั่ง

          ความสวยงามของท้องทะเลบริเวณเกาะขาม รวมถึงธรรมชาติบนเกาะ ทำให้นักเดินทางต่างแวะเวียนไปท่องเที่ยวเกาะขามอยู่เสมอ ๆ โดยชายหาดของเกาะขามมีสองหาดใหญ่ ๆ คือหาดด้านทิศเหนือและทิศใต้ ชายหาดด้านทิศเหนือเป็นทรายค่อนข้างละเอียด เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและสันทนาการทางน้ำ ด้านทิศใต้เป็นหาดทรายหยาบมีหินกรวดและซากปะการังทับถมเต็มชายหาด

 ลึกลงไปในน้ำของเกาะขามจะพบ แนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์กระจายตัวอยู่รอบ ๆ เกาะ บริเวณที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของปะการังอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งแนวปะการังในบริเวณนี้จะเป็นปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ และปะการังสมอง ในระดับความลึกของน้ำประมาณ 3 - 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับการดำน้ำท่องเที่ยว ทั้งแบบผิวน้ำและแบบน้ำลึก นอกจากนี้ ยังพบปลาทะเลที่สวยงาม ได้แก่ ปลาผีเสื้อ ปลาสลิดหิน ปลาอมไข่ ปลากะรัง และ ปลารวมฝูง เช่น ปลาหางเหลือง อีกทั้งยังพบสัตว์ทะเลอื่นๆ ได้แก่ หอยมือเสือ หอยมือแมว ดอกไม้ทะเล กับปลาอินเดียแดง กุ้งและปูชนิดต่างๆ ดาวขนนก เม่นทะเล และปลิงทะเลที่มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของเกาะขาม


แนะนำการท่องเที่ยวเกาะขาม

          เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายใน 1 วัน ไปเช้ากลับเย็น (09.00 – 16.00 น.) เนื่องจากไม่อนุญาตให้พักแรมค้างคืนที่เกาะ และจะหยุดให้บริการในวันอังคารและวันศุกร์

          กิจกรรมการท่องเที่ยวประกอบด้วย...

          • การชมปะการังด้วยการดำน้ำแบบผิวน้ำ

          • การชมปะการังด้วยเรือท้องกระจก

          • การเดินชมพืชพรรณไม้ และทัศนียภาพบนเกาะ

          • การพักผ่อนหรือตกปลาบนเกาะ



ขอขอบคุณ   http://travel.kapook.com/view1165.html

เที่ยว....หนาวนี้ หนาวไหน ก้ลองไป ดู...







หนาวนี้ใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ ม่อนแจ่ม หรือ ดอยม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย เพราะตอนนี้ ม่อนแจ่ม เชียงใหม่ กำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ริมไปซะแล้ว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวทิวเขาซับซับซ้อน แถมยามค่ำคืนฟากฟ้าแวดล้อมไปด้วยดวงดารา ส่องแสงประกายระยิบระยับ
 ม่อนแจ่ม ปรากฎโฉมในรูปแบบ "แคมปิ้ง รีสอร์ท" ที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมชูความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย เช่น ในเต้นท์มีบริเวณส่วนตัว มีห้องน้ำส่วนตัว น้ำร้อน ไฟฟ้า และเครื่องใช้ครบครัน ประหนึ่งอยู่ในห้องพักโรงแรม แต่พิเศษกว่าตรงที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่คุณเปิดหน้าต่าง สายลมเย็น ๆ วิวขุนเขา สายหมอก ก็โผล่รอต้อนรับ แถมยามค่ำคืนดาวน้อยใหญ่จะค่อย ๆ ส่องประกายแวววับให้มองเพลิน ๆ
          สำหรับเต้นท์ที่พักมี 2 ขนาด คือ เต้นท์เล็ก 800 บาทต่อคืน (2 คน) และเต้นท์ใหญ่ 1,200 บาทต่อคืน (4 คน)
หรือไปเดินเล่นรอบเขาที่มีวิวสวย ๆ ก็ได้ และบริเวณใกล้ ๆ ม่อนแจ่ม จะเป็นที่ตั้งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ภายในมีแปลงผักและงานวิจัยผักเมืองหนาว เช่น อาติโช๊ค, แปลงสมุนไพร เลมอนทาร์ม มิ้น คาร์โมมายด์ โรสแมรี่, ไม้ผล เช่น พลัม องุ่นไร้เมล็ด สตรอเบอรี่หวานฉ่ำ, แปลงผักไฮโดรโพนิค เป็นเทคโนโลยีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เช่น โอ้คลีฟแดง และผักตระกูลสลัด มะเขือเทศดอยคำ ให้ได้ชื่นชม

งานมอเตอโชวร์ 2012

ร้านเอกชัย


“ร้านเอกชัย” เดิมเป็นร้านขนมเล็ก ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นในตลาดทรัพย์สิน เมื่อปี 2511 จากร้าน
1 คูหาที่ผลิตขนมอยู่ไม่กี่ชนิด กลายมาเป็นร้านต้นตำรับความอร่อยของขนมสาลี่สุพรรณที่มีเอกลักษณ์
ทั้งในด้านรสชาติและความนุ่มเนียนของเนื้อขนม อันเป็นจุดเด่นของ “สาลี่เอกชัย” จนได้รับเครื่องหมาย
รับประกันคุณภาพความอร่อย “เชลล์ชวนชิม” จาก ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ เมื่อปี 2523

จวบจนปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลากว่า 40 ปีแห่งคุณภาพ ร้านเอกชัยได้ยกระดับมาตรฐานการผลิต เป็นโรงงานผลิตขนาดใหญ่และทันสมัย พร้อมระบบการบริหารคุณภาพสากลและมาตรฐาน GMP & HACCP สำหรับโรงงานอาหารเพื่อก้าวสู่ระดับนานาชาติ ด้วยกระบวนการผลิตที่สะอาด ถูกสุขลักษณะและเทคโนโลยี การผลิตที่ทันสมัยแล้ว ขนมสาลี่ของร้านเอกชัย มีการบรรจุที่ทันสมัยอีกด้วย ทำให้ขนมเก็บไว้นาน โดยปราศจากวัตถุกันเสีย รวมถึงอาคารศูนย์รวมของฝากทรงไทยประยุกต์ ริมถนนสายบางบัวทอง – สุพรรณบุรี ที่เป็นแหล่ง รวมสินค้าของ “เอกชัย” ทุกชนิด และของฝากจากทุกภาค ทั้งขนม, อาหาร, เสื้อผ้า, หมวก, กระเป๋า
และสินค้าหัตถกรรม ฯลฯ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์รวมของฝากที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี”…
“ร้านเอกชัย” จ. สุพรรณบุรี
สัมผัสแรกเมื่อได้มาเยือนอาคารทรงไทยของ ร้านเอกชัย คือ บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง ละลานตาไปด้วยขนมนานาชนิด ที่ขึ้นชื่อก็คือ “สาลี่เอกชัย” สาลี่รสดั้งเดิม 6 สี 6 กลิ่น เป็นขนมไทยโบราณพื้นบ้าน เจือกลิ่นหอมจากวัสดุธรรมชาติ สีนวลตา รสนุ่มละมุนลิ้น หวานพอดี เพิ่มรสชาติด้วยลูกเกดคุณภาพดี กลิ่นใบเตยเนื้อขนมสีเขียว กลิ่นนมแมวเนื้อขนมสีชมพู กลิ่นมะลิเนื้อขนมสีขาวครีม กลิ่นกาแฟเนื้อขนมสีกาแฟ กลิ่นส้มเนื้อขนมสีขาว-ส้ม กลิ่นลิ้นจี่เนื้อขนมสีขาว-ชมพูสด ... และขนมขนาดพร้อมเสิร์ฟ เพื่อความสะดวกในการรับประทาน จะรับประทานคู่กับชา หรือกาแฟ ก็เข้ากันดีเลยค่ะ

ขอขอบคุณ  http://guide.kapook.com/taste/ekachai/